เที่ยวอีสานและภาคอื่น

แลนด์มาร์คอันศักดิ์สิทธิ์ “พญาศรีสัตตนาคราช” จ.นครพนม

พญาศรีสัตตนาคราช  แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ จ.นครพนม ประดิษฐานบน ริมฝั่งแม่น้ำโขง บนลานศรีสัตตนาคราช  หน้าสำนักงาน ป่าไม้ ถนนสุนทรวิจิตร ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม  เป็นองค์พญานาคทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน  มีความสวยงาม โดดเด่น องค์พญาศรีสัตตนาคราช หล่อด้วยทองเหลือง มีน้ำหนักรวม 9,000 กก. เป็นรูปพญานาคขดหาง 7 เศียร ประดิษฐานบนแท่นฐานแปด เหลี่ยม กว้าง 6 เมตร ความสูงทั้งหมดรวมฐาน 15 เมตร สามารถพ่นน้ำได้ ตามที่ทราบกันว่าพี่น้องชาวไทย-ลาว มีความเชื่อผูกพัน อยู่กับองค์พญานาค เช่นเดียวกับความผูกพันในลำน้ำโขง ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าล้วนศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของพญานาค ในฐานะที่เป็น ผู้ดูแลปักปักษ์รักษาแถบลุ่มน้ำโขง รักษาพุทธศาสนา รวมถึงองค์พระธาตุพนม   วัตถุประสงค์การก่อสร้างครั้งนี้เพื่อเป็นการอนุรักษ์ วัฒนธรรมประเพณี และความเชื่อเกี่ยวต่อเรื่องพญานาคของชาวไท และชาวลาวที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง อีกทั้งยังต้องการยกระดับ แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนม เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งสถานที่แห่งนี้จะกลายเป็น แลนด์มาร์กแห่งใหม่อีกจุดหนึ่งของภูมิภาคนี้

พญาศรีสัตตนาคราช มีความเด่นสง่าเพราะมี 7 เศียร ลำตัวเดียว ถือได้ว่าเป็น ตระกูลพญานาค ที่สืบสายพันธุ์มาแต่ครั้งพุทธกาล มีความใกล้ชิดพระพุทธองค์ และพระพุทธศาสนา จนอาจถือว่าเป็นต้นตระกูลแห่งพญานาคทั้งหลายทั้งปวง   ซึ่งต่างร่ำลือว่า หากใคร มาขอพรหรือบนบานองค์พญาศรีสัตตนาคราช อาจสัมฤทธิ์ผลเพราะเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์  ทำให้บรรยากาศ บริเวณนี้คักคักไปด้วย ผู้คนแน่นขนัดจากทั่วสารทิศทุกวัน โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์  สำหรับใครที่มาถึงนครพนมต้องไม่พลาดแวะมากราบไหว้ของพร องค์พญาศรีสัตตนาคราช  เพื่อความเป็นสิริมงคล

ตำนานพญานาคไทย-ลาว จากความเชื่อในเรื่อง “พญานาค” สำหรับชาวพุทธแล้วถือเป็นเรื่องที่ถูกเล่าขานกันมานานทั้งในพุทธประวัติก็ดี ตลอดจนเรื่องราวจาก บรรดาเกจิอาจารย์ หลายรูปก็ดี จึงไม่น่าแปลกใจถ้าจะกล่าวว่า “พญานาค” ถือเป็นส่วนหนึ่งสำหรับชีวิตของคนไทยและอีกหลาย กรณีที่เกิดขึ้นจากความเชื่อความศรัทธา จากความเชื่อและความศรัทธาของทั้งพี่น้องชาวไทยและชาวลาวเกี่ยวกับองค์พญานาค ที่คอยดูแลปกปักษ์รักษาผู้คนในแถบลุ่มน้ำโขงและองค์พระธาตุพนม กล่าวคือ ทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาวต่างมี กษัตริย์แห่งนาคราช หรือ นาคาธิบดี แยกปกครองดูแล  ลักษณะของพญานาคตามความเชื่อในแต่ละภูมิภาคจะ แตกต่างกันไป แต่พื้นฐานคือ มีลักษณะตัวเป็นงู ตัวใหญ่มีหงอนสีทองและตาสีแดง  เกล็ดเหมือนปลามีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี บ้างก็มีสีเขียว บ้างก็มีสีดำ หรือบ้างก็มี ๗ สี และที่สำคัญคือ  ตระกูลธรรมดำองค์ท่านจะมีเศียรเดียว แต่ถ้ำตระกูลที่สูงขึ้นไปนั้นจะมี  ๓  เศียร ๕ เศียร ๗ เศียร และ ๙ เศียร  พญานาคจำพวกนี้องค์ท่านจะสืบเชื้อสายมาจาก พญาเศษนาคราช (อนันตนาคราช) ผู้เป็นบัลลังก์ของ องค์พระวิษณะนารายณ์ ปรมนาท ณ เกษียรสมุทร อนันตนาคราช เล่ากันว่าองค์ท่านจะมีกายที่ใหญ่โตมหึมามีความยาวไม่สิ้นสุด  มี ๑๐๐๐ เศียร ท่านเกิด ทั้งในน้ำและบนบก เกิดจากครรภ์และจากไข่  มีอิทธิฤทธิ์สามารถบันดาลให้เกิดคุณและโทษได้ และท่านสามารถจะแปลงร่างเป็นเทพบุต รหรือเทพธิดารูปร่างสวยงาม  ฝั่งลาว คือ พญาศรีสัตตนาคราช (นาคาธิบดีสีสัตตนาคบาดาล) ซึ่งเชื่อว่าเป็นกษัตริย์แห่งพญานาคฝั่งลาว เป็นพญานาคเจ็ดเศียร ฝั่งไทย คือ พญาศรีสุทโธนาคราช (นาคาธิบดีสีสุทโธ) เป็นกษัตริย์พญานาคฝั่งไทย เป็นพญานาคหนึ่งเศียรพญาศรีสุทโธ ท่านชอบ จำศีลบำเพ็ญเพียร และปฏิบัติธรรม มีนิสัยอ่อนโยนมีเมตตา ไม่ชอบการต่อสู้ ชอบมาปฏิบัติธรรม ที่พระธาตุพนม โดยมอบหมาย ให้เหล่าพญานาค 6 อำมาตย์ดูแลแทน ในระหว่างที่หลบมาจำศีลภาวนา   พญาศรีสัตตนาคราช เป็นใหญ่เหนือพญานาคทั้งปวงในฝั่งลาว เป็นพญานาคที่ทรงฤทธิ์ ท่านเป็นพญานาคที่ชอบจำศีลและประพฤติ ปฏิบัติธรรมเหมือนพญาศรีสุทโธนาคราช โดยชอบมาที่วัดพระธาตุพนมเหมือนกัน  ทำให้พญานาคทั้ง 2 องค์ กลายเป็นเพื่อนที่สนิท สนมกัน ตามคำกล่าวของหลวงปู่คำพันธ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุมหาชัยกล่าว่า ส่วนใดที่อยู่ใกล้ต้นน้ำลำธาร หรือหากมีพิธีกรรม อันใดเกิดขึ้น ให้อัญเชิญบอกกล่าวแก่เหล่าพญานาค พิธีกรรมนั้นจะศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก  จึงเป็นที่มาของพญาศรีสัตตนาคราช ริมโขง เพื่อคุ้มครองปกปักษ์รักษาพี่น้องชาวนครพนม

ภาพ : การท่องเที่ยวจังหวัดนครพนม

Similar Posts

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น